วันเข้าพรรษา
(the Buddhist lent or entering the rain retreat)
พรรษา เป็นคำภาษาบาลีว่า วัสสา ชาวพุทธตะวันตกจะคุ้นเคยกับคำนี้ดี ซึ่งถ้าเป็นภาษาอังกฤษทั่วไปอาจใช้คำว่า rain retreat
ในช่วงฤดูฝน ๓ เดือน เป็นช่วงที่การเดินทางไปไหนมาไหนลำบากพระสงฆ์ที่เดินทางจาริกเพื่อแสวงหาโมกขธรรมและเทศนาสั่งสอนประชาชนอาจจะต้องเหยียบย่ำข้าวกล้า เพราะสังคมอินเดียสมัยนั้นก็มีอาชีพทำไร่ทำนาเช่นกัน ทำให้เป็นที่ครหานินทาของชาวบ้าน พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติว่า ในช่วง ๓ เดือนนี้พระภิกษุสงฆ์ไม่พึงเดินทางไปที่ไหนไกลๆ แต่ให้จำพรรษาอยู่ในที่เดียว จึงเป็นประเพณีที่พระสงฆ์ต้องอธิษฐานจำพรรษา ณ วัดใดวัดหนึ่งตลอด ๓ เดือน
วันเข้าพรรษา ตรงกับแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ชาวบ้านทั่วไปจะมีการตักบาตร ทำบุญ รักษาศีลและฟังธรรม ในชนบทวันนี้เป็นวันสำคัญมาก และโดยปกติจะมีผู้ไปทำบุญที่วัดมากกว่าวันอื่น ๆ และจะพบว่า หลายๆ ครอบครัวก็ที่ส่งบุตรหลานของตนเข้ามาบวชในช่วงเข้าพรรษาด้วย วันนี้จึงเป็นวันที่จะได้มาเยี่ยมเยียนบุตรหลานที่บวชอยู่ นำอาหารคาวหวานมาถวายที่วัดด้วย
สำหรับพระภิกษุในระหว่างพรรษานี้ พระภิกษุสามเณรเมื่อออกจากวัดไปทำธุระแล้วจะต้องกลับเข้าวัดก่อนพลบค่ำและออกจากวัดได้ก็ต่อเมื่อรุ่งเช้าของวันใหม่ นับจากที่มีแสงสว่างตามธรรมชาติส่องพอที่จะเห็นลายมือของตนเองได้ก่อน หากมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องเดินทางไปที่อื่นชั่วระยะหนึ่งก็ได้ เรียกว่า สัตตาหะ ซึ่งไปได้ไม่เกิน ๗ วัน
ทางสังคมเอง ก็มีการรณรงค์ให้คนลด ละ เลิกสิ่งเสพย์ติดทั้งหลาย เช่น สุรา บุหรี่ และสิ่งเสพย์ติดอื่นๆ โดยอาศัยการเริ่มต้นในวันนี้ ถือว่าเป็นที่การทำบุญและบำบัดตัวเองไปในตัว
วันเข้าพรรษา จึงเป็นวันที่มีความหมายทางศาสนาและยังมีความหมายทางสังคมสำหรับวัดในชนบทอยู่มาก ดังนั้นรัฐบาลเองก็ให้ความสำคัญต่อวันนี้อยู่ไม่น้อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น